(รีวิว) ขั้นตอนการลงทะเบียน K-ETA step by step!

สวัสดีค่ะ โพสต์นี้แอดมินจะมาสอนวิธีการลงทะเบียนกันแบบทีละสเต็ป แต่ขอเกริ่นเกี่ยวกับการเข้าประเทศตามขั้นตอนดั้งเดิมและ K-ETA ก่อนนิดนึงเผื่อใครที่ยังไม่เคยทราบมาก่อนนะคะ

เท้าความก่อนว่า ก่อนหน้าที่จะมีระบบนี้ขึ้นมา ประเทศไทยจัดอยู่ในประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าจากประเทศเกาหลี (visa waiver) ทำให้คนไทยสามารถไปเกาหลีได้เลยโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า แต่มีระยะเวลากำหนดคืออยู่ได้ไม่เกิน 90 วันเท่านั้น

ใน 90 วันนี้ เราจะไปท่องเที่ยว, อบรม, ดูงาน, เรียนหลักสูตรระยะสั้น, เยี่ยมญาติ ฯลฯ อะไรก็ได้แต่ห้ามไปทำกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่เกิดรายได้ คือห้ามทำงานหารายได้ด้วยฟรีวีซ่านั่นเอง!!!

เมื่อไปเกาหลีแบบฟรีวีซ่า ถึงสนามบินอินชอนแล้วพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็จะให้กรอกใบเข้าประเทศล่วงหน้าตั้งแต่บนเครื่อง หน้าตาแบบนี้ คือไม่ต้องกรอกแล้วนะคะ เพราะข้อมูลของเรามีอยู่ในระบบ K-ETA หมดแล้ว

จากนั้นขั้นต่อไปคือการผ่านด่านคัดกรองตรวจคนเข้าเมือง หรือตม.ที่ร่ำลือกันว่าโหดแท้!!! เนื่องจากคนไทยเข้าประเทศเกาหลีไปด้วยฟรีวีซ่าแล้วไม่กลับตามกำหนด อยู่ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต (ผิดกฎหมาย) กันเยอะจนส่งผลให้นักท่องเที่ยวไทยโดนเจ้าหน้าที่ตรวจเข้ม คนที่สัมภาษณ์เบื้องต้นแล้วมีแนวโน้มว่าจะหนีไปทำงานเจ้าหน้าที่ก็จะไม่ให้เข้าประเทศ และส่งกลับไทยทันที เท่ากับเสียค่าตั๋วเครื่องบิน+เสียเวลาไปฟรีๆ เลยนะคะ 😭

ต้องเตรียมอะไรในการผ่านด่านตม. จะโดนสัมภาษณ์อะไรบ้าง อ่านได้ที่นี่
รวมเคล็ดลับผ่านตม.เกาหลี อัพเดทล่าสุด! เตรียมตัวยังไงให้ผ่านฉลุย
เผยข้อพิรุธที่ ตม.เกาหลีใต้ไม่ไว้ใจ และปฏิเสธนักท่องเที่ยวไทย

ดังนั้น ทางการเกาหลีเลยทำระบบ K-ETA ขึ้นมา ซึ่งเทียบเท่ากับการกรอกใบ Arrival Card แบบด้านบน แต่ต้องกรอกล่วงหน้าผ่านทางระบบออนไลน์ และจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลก่อนอนุมัติว่าจะให้เข้าประเทศเกาหลีได้หรือไม่ ซึ่งทำให้ช่วยคัดกรองบุคคลที่น่าสงสัยหรือเคยมีประวัติได้ระดับนึงแต่ก็ไม่ 100% เพราะถึงได้รับอนุมัติแล้วก็ยังต้องผ่านด่านตม.ที่สนามบินเหมือนเดิมอยู่ดีจ้า

บางคนอาจมีคำถาม ถ้าต้องผ่านตม.อยู่ดีแล้วจะให้ลงทะเบียนล่วงหน้าทำไม? ลองอ่านขั้นตอนการลงทะเบียนดังต่อไปนี้ดูก่อนแล้วจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ K-ETA อ่านได้ที่นี่

K-ETA ระบบอนุมัติการเดินทางเข้าประเทศเกาหลี สำหรับกลุ่มประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า

● (สถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย) ยกเลิกการระงับการตรวจลงตราสำหรับบุคคลสัญชาติไทย (เริ่มดำเนินการ 1 เมษายน 2022 เป็นต้นไป)

https://www.youtube.com/watch?v=ywhEUh2RFkQ

สำหรับผู้ที่มีวีซ่าอยู่แล้ว เช่น วีซ่าเรียน D-2, D-4, วีซ่าเยี่ยมเยือน C-3, วีซ่าแต่งงาน, วีซ่าทำงาน ฯลฯ ที่ได้รับอนุมัติจากสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน K-ETA เพราะวีซ่าเป็นการยืนยันอยู่แล้วว่าเกาหลีอนุญาตให้คุณเข้าประเทศได้ค่ะ แต่ต้องกรอก Arrival Card ที่สนามบินเหมือนเดิมนะคะ

ขั้นตอนการลงทะเบียน

https://www.k-eta.go.kr/

1) เลือกภูมิภาค/ประเทศ, รับทราบ Agreement กดยินยอมให้นำข้อมูลส่วนตัวไปตรวจสอบให้ครบทุกข้อ
2) กรอกเลขที่หนังสือเดินทาง, อีเมล

3) กรอกข้อมูลรายละเอียดในหนังสือเดินทาง

  • อัปโหลดรูปหนังสือเดินทาง (ขนาดไฟล์ไม่เกิน 300 kb)
  • ประเทศ
  • เพศ
  • นามสกุล
  • ชื่อ
  • ปีเดือนวันเกิด
  • เลขที่หนังสือเดินทาง
  • วันที่หมดอายุของหนังสือเดินทาง
  • ID number ในที่นี้คือเลขที่บัตรประชาชนไทย

4) กรอกข้อมูลที่จำเป็น (Required Information)

  • คุณมีสองสัญชาติหรือไม่?
  • กรอกเบอร์โทรศัพท์มือถือของไทย
  • เคยไปเกาหลีมาก่อนหรือไม่?
  • จุดประสงค์ที่จะเดินทางไปเกาหลี (ท่องเที่ยว, เยี่ยมเยือน, ติดต่อธุรกิจ, รับการรักษาทางการแพทย์, ประชุม, เข้าร่วมงานอีเวนท์, เข้าร่วมการแข่งขัน, อื่นๆ)
    (หมายเหตุ กรณีไปเรียนระยะสั้น เลือกท่องเที่ยว หรือ อื่นๆ ก็ได้)
  • ไปคนเดียวหรือไปกับกรุ๊ปทัวร์?
  • ที่อยู่ของที่พักในเกาหลี
    (หมายเหตุ ใส่ที่พักที่คาดว่าจะไปพักได้ ยังไม่จำเป็นต้องจองจริง แต่ต้องมีที่อยู่เบอร์โทรที่เอามากรอกได้นะคะ หากเมื่อจะเดินทางจริงแล้วไม่ได้พักที่นี่ ต้องเข้าไปแก้ไขที่อยู่ก่อนเดินทางอีกที)
  • เบอร์โทรในเกาหลี (เบอร์ของโรงแรมที่พัก, บริษัท/สถาบัน/มหาลัย หรือคนรู้จักในเกาหลี)
  • อาชีพปัจจุบัน (ว่างงาน, ธุรกิจส่วนตัว, ทำเกษตรกรรมหรือปศุสัตว์, พนักงานบริษัท, ข้าราชการ, นักเรียนนักศึกษา, แม่บ้าน, อื่นๆ)
  • มีโรคติดต่อร้ายแรง 15 ประการตามลิสต์หรือไม่?
  • เคยมีประวัติอาชญากรรมในไทยหรือต่างประเทศมาก่อนหรือไม่?

5) อัปโหลดรูปถ่ายหน้าตรง ครึ่งอก พื้นหลังสีพื้นเรียบ (สีอะไรก็ได้) ขนาดไฟล์ไม่เกิน 100 kb

ตัวอย่างรูปภาพที่ถูกต้องและใช้ไม่ได้

6) กรอกข้อมูลส่วนตัว (Personal Information)

  • ประเทศที่เกิด
  • สถานที่เกิด (ตามในหนังสือเดินทาง)
  • ช่วงวันที่ที่คาดว่าจะเดินทางไปเกาหลี (หากยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเดินทางเมื่อไหร่ สามารถเว้นไว้ได้ เมื่อทราบวันที่แน่นอนแล้วต้องเข้ามาแก้ไขระยะเวลาอีกครั้งก่อนเดินทาง)
  • มีคนรู้จักในเกาหลีหรือไม่? (หากเลือกตอบว่า “มี” จะต้องกรอกชื่อและเบอร์โทรฯ ที่สามารถติดต่อได้ด้วย)
  • มีผู้เดินทางไปพร้อมคุณด้วยหรือไม่? (กรณีเดินทางไปกับเพื่อนหรือครอบครัว สามารถลงทะเบียนพร้อมกันได้หลายคนในครั้งเดียวด้วยการ add member)
  • คุณเคยไปประเทศอื่นนอกจากเกาหลีบ้างหรือไม่? (ตอบเป็นจำนวนครั้ง)
  • ปัจจุบันคุณมีงานทำหรือไม่? (ถ้าเลือก “มี” ต้องกรอกชื่อนายจ้างหรือบริษัท และเบอร์โทรศัพท์ของที่ทำงานด้วย)
  • รายได้ต่อเดือน (ตอบเป็นจำนวนเงิน USD)

ขั้นตอนเกือบสุดท้ายคือจะให้ผู้สมัครตรวจสอบข้อมูลที่กรอกไปทั้งหมดอีกครั้งว่าถูกต้องหรือไม่

ขั้นต่อไปชำระค่าธรรมเนียม 10,000 KRW ด้วยบัตร “เครดิต” เท่านั้น ต้องชำระทุกคนไม่ว่าผลการสมัครจะอนุมัติหรือไม่ก็ตามค่ะ วันที่แอดมินจ่ายก็ประมาณ 300 กว่าบาทค่าเงินขึ้นลงนิดหน่อยตามวันบวกลบไม่เกินนี้

ชำระเงินเสร็จก็เรียบร้อย 👏🏻👏🏻 จะมีอีเมลส่งไปยืนยันการลงทะเบียนอีกที ถ้าใครใช้จีเมล อีเมลอาจไปอยู่ในถังขยะได้ลองเช็กดูด้วยนะคะ

**อย่าลืมจดเลข Application number เอาไว้**

ขั้นตอนการรอผลอนุมัตินั้น จริงๆ เขาเคลมไว้ว่าพิจารณาภายใน 72 ชั่วโมงรู้ผล แต่นี่ขนาดวันแรกที่คนไทยสามารถลงทะเบียนได้ แอดมินคิดว่าเว็บจะล่มแน่ คงมีคนแห่กันลงทะเบียนจนเขาตรวจสอบนานแน่ๆ ปรากฎผ่านไปประมาณ 40 นาที มีอีเมลมาแจ้งผลการลงทะเบียนแล้ว 😱 อันนี้คือผลของคนที่ได้รับอนุมัตินะคะ ส่วนคนไม่ผ่านจะขึ้นว่า denied

กรณีคนที่ไม่ได้รับอีเมล ให้จดเลขที่ application number เอาไว้ แล้วค้นหาผลการลงทะเบียนในเว็บไซต์เองได้

Save as PDF ก็เป็นอันเรียบร้อย!!

**อย่าลืม**
จะเดินทางจริงเมื่อไหร่ จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ต้องเข้าไป edit ที่อยู่ในเกาหลีก่อนเดินทางด้วยนะคะ (วันที่ไม่ต้องแก้เพราะแก้ไม่ได้ค่ะ)

กรณีผลการสมัครครั้งแรกถูกปฏิเสธ (denied) ยังสามารถลงทะเบียนซ้ำได้อีก 1 ครั้ง
หากครั้งที่ 2 ถูกปฏิเสธอีก แนะนำให้รวบรวมเอกสารไปยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวประเภท C-3-9 ที่สถานทูตเกาหลี รอฟังผล 14 – 30 วัน (หรืออาจจะนานกว่านั้น)
**ถ้า K-ETA โดนปฏิเสธ 3 ครั้งติด ระบบจะล็อกไม่ให้เลขพาสปอร์ตนี้ลงทะเบียนไปอีก 6 เดือน ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ลองลงอีกเป็นครั้งที่ 3 แต่ให้ไปขอวีซ่า

ข้อมูลในเว็บไซต์สถานทูตเกาหลี (click)

หากมีข้อสงสัยใดๆ แอดมินจะพยายามช่วยตอบเท่าที่ทราบ หากผลออกมาว่าไม่อนุมัติห้ามมาโทษกันนะค้า 😂😅

🎓อยากเรียนต่อระดับปริญญาในมหาวิทยาลัยที่เกาหลี ต้องเริ่มจากอะไร?

ก่อนอื่น ขอขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจ Easy2studyKorea และขอคำปรึกษาเรื่องการเรียนต่อเข้ามานะคะ 😊

อธิบายอีกรอบก่อนว่า แอดมินมีประสบการณ์ในการไปเรียน “โปรแกรมภาษาเกาหลี” ที่เกาหลีเท่านั้น จึงไม่สันทัดให้คำแนะนำเรื่องการเรียนต่อระดับปริญญาตรี/โท หรือการขอทุนมากนัก สามารถช่วยดำเนินการเรื่องการสมัครเรียน, จัดเตรียมเอกสาร, ติดต่อยื่นใบสมัครได้ แต่ผู้สมัครต้องตัดสินใจเลือกมหาลัย, คณะที่ต้องการสมัครมาเองค่ะ เนื่องจากแอดมินทำงานประจำไปด้วยและทำเพจนี้เป็นงานเสริม จึงไม่สามารถช่วยหาข้อมูลให้ทีละคนได้ (มีแต่ข้อมูลโปรแกรมภาษา)

เพราะฉะนั้นถ้าถามมากว้างมากๆ เช่น อยากเรียนบริหารธุรกิจมหาลัยไหนดีคะ? ประวัติการเรียนหนูประมาณนี้เข้าเรียนที่ไหนได้บ้างคะ? มหาลัยที่เกาหลีมีคณะอะไรบ้างคะ? อยากได้ทุน 100% มีที่ไหนบ้างคะ? ช่วยดูวิธีสมัครให้หน่อยได้ไหมคะ? ❌ แอดมินไม่สามารถช่วยแนะนำให้ได้ ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ

ดังนั้น โพสนี้แอดมินจะมาสอนวิธีการดูข้อมูลการสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยของเกาหลี ขั้นพื้นฐานเบสิคสุดๆ อย่างน้อยใครสนใจจะไปเรียนต่อต่างประเทศ อยากเรียน ป.ตรี/โท ที่เกาหลี ต้องดูข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ให้เป็นก่อน ถึงจะสามารถไปต่อได้นะคะ

เว็บไซต์ที่มีข้อมูลเรียนต่อประเทศเกาหลี
https://www.studyinkorea.go.kr/ เว็บไซต์ของรัฐบาลเกาหลีอย่างเป็นทางการ
https://www.facebook.com/kecstudyinkorea เว็บไซต์ของสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทยที่ดูแลส่วนสนับสนุนทุนให้กับนักเรียนไทยโดยเฉพาะ ทุนรัฐบาลเกาหลีก็จะประกาศผ่านเฟสบุคนี้ค่ะ
https://www.dek-d.com/studyabroad/ คอลัมนิสหลายคนที่เคยไปเรียนเกาหลีมาจะเขียนบทความแนะนำการสมัครเรียน และนำเสนอทุน, มหาลัยในเกาหลีที่น่าสนใจให้เป็นประจำ
https://www.framekung.com/ แนะนำการสมัครทุนรัฐบาลเกาหลีโดยอดีตนักเรียนทุนโดยตรง มีแนะนำเคล็ดลับการเขียนแนะนำตัวยังไงให้ได้ทุนด้วยนะ
https://www.youtube.com/watch?v=Qr18AvrenrE ช่องยูทูปของคุณ jaysbabyfood มีประสบการณ์ตรงในการเรียนมหาลัยที่เกาหลีตั้งแต่ ป.ตรี-โท
(ถ้าเจออีกจะมาแปะเพิ่มให้เรื่อยๆ นะคะ)

คัดเน้นๆ กระทู้ที่มีประโยชน์และน่าสนใจ
9 เรื่องที่ต้องรู้! ก่อนวางแผนไปเรียนต่อที่ ‘เกาหลีใต้’ (ฉบับละเอียดยิบ)
ถามตอบจัดเต็ม! แชร์ทริคเตรียมตัวของ 6 นักเรียนไทยที่คว้าทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ ป.ตรี ปี 2021
จดไทม์ไลน์ไว้กันพลาด! รวม 8 ทุนดีๆ เรียนต่อ ป.ตรี ที่เกาหลี แต่ละปีเปิดช่วงไหนบ้าง?
‘Study Plan’ ต้องเขียนยังไง? แชร์เทคนิคเขียนให้ปังจนคว้าทุนเรียนต่อแบบฟรีๆ
อยากเรียนต่อนอกต้องรู้! สรุปความสำคัญของ “Recommendation Letter” (คืออะไร ขอตอนไหน ให้ใครเขียน?)
แชร์ 7 ทริคเขียน ‘Personal Statement’ แบบปังๆ ยื่นสมัครทุนที่ไหนก็ได้หมด!
How to สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เกาหลี เริ่มต้นยังไง? (เล่าละเอียดทุกขั้นตอน)
(ถ้าเจออีกจะมาแปะเพิ่มให้เรื่อยๆ นะคะ)

วิธีที่ 1) Google ครอบจักรวาล!

วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีมหาลัยที่สนใจอยู่แล้ว เพียงแค่อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมว่า เปิดรับสมัครเมื่อไหร่, มีคณะอะไรบ้าง, เอกสารใช้อะไรบ้าง, ต้องมีคุณสมบัติยังไงบ้าง ฯลฯ แอดมินจะยกตัวอย่างสมมติว่าเราอยากเรียนมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) นะคะ

คีย์เวิร์ดในการค้นหา เช่น (ชื่อมหาลัย) international student admissions, (ชื่อมหาลัย) Admission Guide for international students เป็นต้น

ทุกมหาลัยในเกาหลี (ที่รับต่างชาติ) จะมีฝ่ายที่คอยดูแลการรับสมัครนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะ มีหน้าเพจรับสมัครเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนค่ะ ส่วนใหญ่ผลการค้นหาที่ขึ้นอันดับแรกจะเป็นหน้าเว็บไซต์ทางการของมหาลัยโดยตรง เราก็กดเข้าไป

หน้าแรกของ Admission ก็จะแยกตามหลักสูตรอีกที ให้เลือกตามระดับที่ตัวเองต้องการเรียน
Undergraduate = ปริญญาตรี
Graduate = ปริญญาโท-เอก
– โปรแกรมอื่นๆ เช่น โปรแกรมแลกเปลี่ยน, ระยะสั้นซัมเมอร์ (สำหรับคนที่เรียนมหาลัยที่ไทยแต่อยากไปเรียนเก็บหน่วยกิตระยะสั้นที่เกาหลี)
Korean Language Program = โปรแกรมภาษาเกาหลี สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการเรียนภาษาเกาหลีอย่างเดียว (โปรแกรมที่ทางเราให้บริการสมัครเรียนเป็นหลักคืออันนี้ค่ะ)

จะสังเกตเห็นว่าทุกโปรแกรมจะมีเมนู Application และ Scholarships ซึ่งก็คือเลือกได้ว่าเราจะสมัครเรียนด้วยทุนของตัวเอง หรือว่าต้องการขอทุนการศึกษานะคะ

แอดมินจะลองยกตัวอย่างการดูข้อมูลสมัคร ป.ตรี โดยเข้าไปที่หน้า application ของ undergraduate

จะมีไกด์ไลน์อัปโหลดเอาไว้ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นระเบียบการรับสมัครนั่นเอง ซึ่งมหาลัยเกาหลีจะรับสมัครนักศึกษาใหม่ปีละ 2 ครั้ง ดังนี้
เทอมฤดูใบไม้ผลิ (Spring)
– เปิดรับใบสมัครประมาณเดือนกรกฎาคม ~ กันยายนของทุกปี
– รอพิจารณาเอกสาร > ประกาศผล > สอบสัมภาษณ์ > ตอบรับเข้าเรียน+ส่งเอกสารเพิ่มเติม
– เปิดภาคเรียนเดือนมีนาคม ~ เมษายนเป็นต้นไป
เช่น ถ้าเราจะเข้าเรียนเทอม Spring ปี 2022 ก็ต้องยื่นใบสมัครตั้งแต่กรกฎาคมปี 2021 ค่ะ

เทอมฤดูใบไม้ร่วง (Fall)
– เปิดรับใบสมัครประมาณเดือนมีนาคมของทุกปี
– รอพิจารณาเอกสาร > ประกาศผล > สอบสัมภาษณ์ > ตอบรับเข้าเรียน+ส่งเอกสารเพิ่มเติม
– เปิดภาคเรียนเดือนกันยายน ~ ตุลาคมเป็นต้นไป

หมายเหตุ : ถึงเราสมัครเรียนด้วยทุนของตัวเอง ไม่ได้ขอทุน แต่มหาลัยทุกที่จะพิจารณาเอกสารก่อนว่าจะรับเข้าเรียนหรือไม่ ไม่เหมือนมหาลัยเอกชนของไทยที่แค่ยื่นวุฒิม.ปลาย+จ่ายค่าเทอมก็เข้าเรียนได้เลยนะคะ ถ้าประวัติการเรียนไม่ค่อยดี หรือคะแนนวัดระดับภาษาอังกฤษ, เกาหลีต่ำมาก (อ่อนภาษามาก) ก็มีสิทธิ์ที่มหาลัยจะไม่รับเข้าเรียนได้ค่ะ
💰 บางคนอาจจะได้ทุนมาฟลุคๆ ทั้งที่เราไม่ได้ขอทุนก็มี โดยหลังจากยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารประกอบต่างๆ แล้ว มหาลัยจะพิจารณาจากผลการเรียน, กิจกรรมที่เคยทำ, ความสนใจ, ความมุ่งมั่นที่สื่อออกมาใน study plan ฯลฯ หากเข้าข่ายได้ทุนก็จะมีทุนตั้งแต่ส่วนลดค่าเล่าเรียน 50% ~ 20%, ทุนเฉพาะปีแรก, ทุนยกเว้นค่าลงทะเบียน, ทุนให้เรียนภาษาเกาหลีฟรี เป็นต้น

เมื่อดาวน์โหลด PDF Guideline การรับสมัครมาแล้ว จะมีข้อมูลดังต่อไปนี้

  • ไทม์ไลน์การสมัคร, คัดเลือก, สอบสัมภาษณ์, ประกาศผล
  • Eligibility and Requirements คุณสมบัติผู้สมัคร
  • Required Documents เอกสารที่จำเป็นในการสมัคร
  • Program (College & Department) คณะที่เปิดสอน และ Major
  • Tuition fee ค่าเล่าเรียนของแต่ละสาขา
  • Application Form for admissions แบบฟอร์มใบสมัครเข้าเรียน
  • เกณฑ์ในการคัดเลือก
  • ข้อควรระวังต่างๆ เช่น บางสาขาอาจต้องใช้เอกสารเพิ่มเติม, จำเป็นต้องสอบคัดเลือก หรือ จำเป็นต้องมีคุณสมบัติพิเศษ
  • เกณฑ์การพิจารณาให้ทุน, ข้อมูลวีซ่า
  • ช่องทางการติดต่อฝ่ายรับสมัคร และ อาจารย์ประจำคณะต่างๆ (เบอร์โทร+อีเมล) หากสงสัยอะไรสามารถสอบถามคณะที่สนใจโดยตรงได้เลย

ตัวอย่างหน้ารับสมัคร และ PDF Guideline
https://en.snu.ac.kr/admission/undergraduate/application
https://www.khu.ac.kr/eng/sub/tab.do?MENU_SEQ=1000680

วิธีที่ 2) เข้าเว็บไซต์ Study in Korea

เว็บไซต์ https://www.studyinkorea.go.kr/ จัดทำโดยรัฐบาลเกาหลีและกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง ดังนั้นจะมีข้อมูลมหาวิทยาลัยของเกาหลี “ทั้งประเทศ” ที่เปิดรับนักศึกษาต่างชาติ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีมหาลัยอยู่ในใจ อยากลองดูหลายๆ ที่ ซึ่งถ้าเข้าไปดูแล้วจะอึ้งว่ามหาลัยในเกาหลี นอกจาก Yonsei, Ewha, Kyunghee ฯลฯ ที่คนไทยรู้จักกันดีแล้ว ยังมีมหาลัยในต่างจังหวัดอีกเยอะมากๆ ที่อ้าแขนรับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งมีข้อดีตรงที่การแข่งขันเรื่องทุนไม่สูง และค่าเทอมไม่แพงเมื่อเทียบกับมหาลัยตามหัวเมืองใหญ่ค่ะ

เมนูที่สำคัญ

  • University and College เอาไว้ดูรายชื่อมหาวิทยาลัย และ วิทยาลัยต่างๆ, ข้อมูลเบื้องต้น, คณะที่เปิดสอน, ลิงก์โฮมเพจของสถานศึกษา หากสนใจที่ไหนก็ติดต่อสอบถามกับมหาลัยนั้นโดยตรงได้เลย
  • Scholarships ข้อมูลทุนการศึกษาของแต่ละมหาลัย
  • Online Application อันนี้น่าสนใจคือเว็บจะขึ้นมาให้ดูเลยว่า ในช่วงวันที่เรากดเข้ามาดูในเว็บไซต์นี้ มีมหาลัยไหน หลักสูตรไหน กำลังเปิดรับสมัครอยู่บ้าง สามารถกดส่งใบสมัคร (เบื้องต้น) ผ่านเว็บนี้ได้เลย หรือจะสมัครผ่านหน้าเว็บไซต์ของมหาลัยโดยตรงก็ได้ค่ะ

📌 ข้อควรรู้

  • ประเทศเกาหลีใช้รูปแบบวันที่เป็น ปี . เดือน . วัน เช่น 2021.07.21 แปลว่า วันที่ 21 กรกฎาคม ปี 2021 (มักใช้ . แทน / )
  • Associate’s Degree คืออะไร? ความแตกต่างระหว่าง Associates Degree และ Bachelors Degree
    ผู้ที่จบ ปวส.ในไทยถ้าต้องการเรียนต่อที่เกาหลี แนะนำให้ดูหลักสูตร Associate’s Degree = อนุปริญญา เรียนสายอาชีพเฉพาะทาง แต่อาจจะไม่ได้สมัครได้ทุกวิทยาลัย ต้องสอบถามเป็นที่ๆ ไปค่ะ
  • วุฒิ GED สอบเทียบ มีทั้งมหาลัยที่รับและไม่รับ จำเป็นต้องสอบถามไปที่มหาลัยที่สนใจโดยตรงค่ะ

Easy2studyKorea 🇰🇷
http://www.facebook.com/easy2studykorea
http://www.twitter.com/easy2studykorea
Line Official : @easy2studykorea

คำถามที่ถามบ่อย FAQ

คำถามที่มีคนถามซ้ำเยอะ แอดมินขอตอบไว้บนเพจเพื่อเป็นข้อมูลให้คนที่สงสัยเหมือนกันจะได้ทราบนะคะ หรือถ้าใครมีคำถามนอกเหนือจากนี้สามารถคอมเม้นต์หรือส่งข้อความหลังไมค์มาได้จ้า

  1. ไม่รู้ภาษาเกาหลีเลยจะไปเรียนได้ไหม?
  2. อายุเท่าไหร่ถึงจะเรียนได้? อายุเยอะเรียนได้ไหม?
  3. มีแต่คนไทยไปเรียนหรือเปล่า?
  4. ถ้าสมัครไปคนเดียวจะมีเพื่อนไปเรียนด้วยกันไหม?
  5. คอร์สระยะสั้นกับระยะยาวต่างกันยังไง? ควรเลือกเรียนแบบไหน?
  6. ซัมเมอร์เกาหลีเริ่มเรียนเมื่อไหร่?
  7. อยากเรียน ป.ตรี/โท สมัครทุนที่มหาลัยในเกาหลีต้องทำอย่างไรบ้าง?
  8. สถาบันกับมหาลัยแตกต่างกันยังไง? ต้องมีงบประมาณเท่าไหร่?
  9. สถาบันทั่วไป เลือกเรียนที่ไหนดีกว่ากัน?
  10. มหาลัยที่ต้องใช้สปอนเซอร์คนเกาหลีคืออะไร?
  11. เคยไปเกาหลีแล้วติด ต.ม., Blacklist จะสามารถไปเรียนได้ไหม?
  12. ไปเรียนที่เกาหลี 1 – 3 เดือนต้องขอวีซ่าไหม?
  13. ไปเรียนภาษาแล้วสามารถทำงานพิเศษไปด้วยได้ไหม?
  14. มีทุนเรียนภาษาไหม?

👇👇👇 อ่านคำตอบด้านล่าง 👇👇👇

ไม่ต้อนรับคนที่คิดสมัครเรียนบังหน้าเพื่อไปลักลอบค้าแรงงานเถื่อนที่เกาหลีนะคะ!!

  1. ไม่รู้ภาษาเกาหลีเลยจะไปเรียนได้ไหม?

ตอบ การเรียนการสอนของศูนย์ภาษาเกาหลีแทบทุกที่จะใช้ภาษาเกาหลีล้วนนะคะ (แต่หนังสือเรียนบรรยายโจทย์และแปลคำศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ) แต่คนต่างชาติสามารถเริ่มเรียนได้ตั้งแต่ไม่มีความรู้ภาษาเกาหลีเลย เริ่มตั้งแต่คัดตัวอักษร สะกดคำและจำคำศัพท์ง่ายๆ โดยครูชาวเกาหลีจะมีเทคนิคในการพูดและอธิบายประกอบรูปภาพหรือท่าทางที่ทำให้นักเรียนเข้าใจได้ถึงแม้จะไม่รู้ภาษาเกาหลีเลยก็ตามค่ะ
หากต้องการให้สอนเป็นภาษาอังกฤษต้องรีเควสคอร์สส่วนตัว (กรณีเรียนสถาบันนอกมหาลัย) เพราะในคลาสรวมครูจะไม่สอนด้วยภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพราะมีนักเรียนจากหลายชาติเรียนรวมกัน เช่น คนจีนหรือญี่ปุ่นก็ไม่ได้ถนัดภาษาอังกฤษดังนั้นจึงไม่สามารถปรับการสอนเพื่อนักเรียนคนใดคนหนึ่งได้

*ความรู้ภาษาเกาหลี = 0 ไม่แนะนำให้มาเรียนที่เกาหลีระยะสั้นเพราะการสอนด้วยภาษาเกาหลีล้วนเป็นการเรียนรู้แบบซึมซับตามธรรมชาติต้องใช้เวลาในการปรับตัวประมาณ 2-3 เดือนถึงจะเริ่มชินกับภาษาเกาหลี ดังนั้นการมาเรียนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานแค่ 1-4 สัปดาห์นั้นไม่ได้ผลทางด้านภาษาและไม่ค่อยคุ้มกับค่าเรียนค่ะ (แนะนำให้เรียนพื้นฐานจากไทยไปก่อน)

*ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยได้แล้วจะเรียนได้ไหม?
หนังสือเรียนของสถาบันส่วนใหญ่จะมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ, จีน, ญี่ปุ่นให้เลือก แน่นอนว่าไม่มีภาษาไทยและคนไทยจำเป็นต้องเลือกใช้ตำราเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เนื้อหาในหนังสือเรียน 80% เป็นภาษาเกาหลี จะมีแค่ 20% ที่เป็นส่วนอธิบายไวยากรณ์, โจทย์, ความหมายคำศัพท์เกาหลีแสดงเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งถ้าผู้เรียนไม่ได้ภาษาอังกฤษเลยจริงๆ จำเป็นต้องหาศัพท์แปลเป็นไทยมาล่วงหน้า ต้องมานั่งแปลทั้งอังกฤษทั้งเกาหลี ต้องขยันมากกว่าคนอื่นอีกเท่าตัว ถ้ารับจุดนี้ได้ก็สามารถเรียนได้ค่ะ

⚠ อีกประเด็นคือ ลองนึกถึงเวลาเรียนกับครูคนเกาหลีในห้องแล้วเกิดไม่เข้าใจขึ้นมา มีข้อสงสัย อยากถามครูแต่ไม่รู้จะถามยังไงเพราะถามเป็นอังกฤษก็ไม่ได้ เกาหลีก็ไม่ได้ (ครูเกาหลีสามารถสื่อสารด้วยภาษาเกาหลีหรืออังกฤษเท่านั้น) ดังนั้นอาจจะทำให้ผู้เรียนไม่เข้าใจบทเรียนสะสมจนกลายเป็นเรียนไม่รู้เรื่อง สุดท้ายอาจจะทำให้หมดกำลังใจในการเรียนไปเลยก็ได้ ต้องลองคิดถึงจุดนี้ด้วยนะคะ

  1. อายุเท่าไหร่ถึงจะเรียนได้? อายุเยอะแล้วจะเรียนได้ไหม?

ตอบ

  • สถาบันภาษาของมหาลัย เช่น Sogang, Yonsei, Ewha ฯลฯ ผู้สมัครต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปใช้วุฒิ ม.6 หรือเทียบเท่าในการสมัคร
  • สถาบันภาษาทั่วไปเรียนได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไปไม่จำกัดวุฒิการศึกษา
    อายุไม่ถึง 15 ก็เรียนได้แต่ต้องมีผู้ปกครองไปเกาหลีด้วย เช่น พี่ที่ไม่ใช่พี่แท้ๆ ไม่ต้องเป็นพ่อแม่ก็ได้ค่ะ
  • อายุเยอะก็ไม่ใช่อุปสรรคนะคะ ทั้งมหาลัยและสถาบัน มีผู้เรียนที่เป็นชาวต่างชาติที่มาทำงานในเกาหลี, ชาวต่างชาติที่แต่งงานกับคนเกาหลี, คนเกาหลีที่ไปเกิดในต่างประเทศแล้วพูดภาษาเกาหลีไม่ได้, ไม่ได้มีแต่เด็กๆ วัยรุ่นวัยเรียนเท่านั้นค่ะ ไม่จำกัดอายุ

3. มีแต่คนไทยไปเรียนหรือเปล่า?

ตอบ ในหนึ่งห้องเรียนจะมีนักเรียนจากหลายๆ ชาติมาเรียนรวมกันค่ะ บรรยากาศเหมือนโรงเรียนนานาชาติ มีคนสมัครมาจากหลายประเทศเรียนรวมกัน สถาบันไม่ได้เปิดคอร์สพิเศษขึ้นมาเพื่อเราโดยเฉพาะ ไม่สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่กับคนไทยด้วยกันเพราะจะแบ่งห้องเรียนตามพื้นฐานความรู้ค่ะ

  1. ถ้าสมัครไปคนเดียวจะมีเพื่อนไปเรียนด้วยกันไหม?

ตอบ โดยหลักแล้วทางเราไม่ได้จัดเป็นแคมป์หมู่คณะแต่ให้บริการเป็นคนๆ ไปค่ะ แต่ถ้ามีคนอื่นสมัครเรียนผ่าน Easy2studyKorea ในช่วงเวลาเดียวกันและยินยอมรู้จักกันทั้งสองฝ่าย ทางเราก็จะแนะนำให้รู้จักกันค่ะ

  1. คอร์สระยะสั้นกับระยะยาวต่างกันยังไง? ควรเลือกเรียนแบบไหน?

ตอบ
ระยะสั้น 1-4 สัปดาห์ – เหมาะสำหรับผู้ที่เคยเรียนภาษาเกาหลีที่ไทยมาพอสมควรแล้ว แต่ต้องการไปฝึกภาษาเกาหลีเพิ่มเติมในสภาพแวดล้อมที่ได้ใช้ภาษาจริงๆ อยากไป Study&Travel หรือสนใจเรียนระยะยาว อยากเรียนต่อมหาลัยที่เกาหลีแต่อยากลองไประยะสั้นดูก่อนว่าสามารถปรับตัวได้หรือไม่

ระยะยาว 3 ถึง 6 เดือนขึ้นไป – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมเกาหลีอย่างจริงจัง ต้องการเน้นเรียนภาษาเกาหลีเพื่อนำไปเรียนต่อในระดับปริญญาในมหาลัยของที่เกาหลี, เรียนเพี่อนำไปทำงานที่ต้องใช้ภาษาเกาหลี, ต้องการสื่อสารกับคนเกาหลี ทั้งฟังพูดอ่านเขียนได้อย่างคล่องแคล่ว

  1. ซัมเมอร์เกาหลีเริ่มเรียนเมื่อไหร่?

ตอบ เดือนมิถุนายน – สิงหาคมของทุกปีค่ะ

  1. อยากเรียน ป.ตรี/โท สมัครทุนที่มหาลัยในเกาหลีต้องทำอย่างไรบ้าง?

ตอบ ทาง Easy2studyKorea มีข้อมูลให้เฉพาะโปรแกรมเรียนภาษาเกาหลีเท่านั้นค่ะ เพราะแอดมินมีประสบการณ์ตรงแค่นี้
ส่วนการสมัครเรียนระดับปริญญาในมหาลัย, การขอทุนนั้น ทางเราช่วยดำเนินการด้านเอกสารได้ แต่จะไม่สามารถตอบได้ว่ามหาลัยที่เกาหลีมีคณะอะไรบ้าง? ค่าเรียนเท่าไหร่? มีทุนอะไร? รับสมัครเมื่อไหร่? กรุณาอ่านต่อที่ https://wp.me/p5irFz-6d

  1. สถาบันกับมหาลัยแตกต่างกันยังไง? ต้องมีงบประมาณเท่าไหร่?

ตอบ สถาบันจะชั่วโมงเรียนน้อยกว่าและเนื้อหาเรียนช้ากว่ามหาลัยค่ะ มหาลัยจะเรียนอัดแน่นได้เนื้อหามากกว่าและเรียนต่อเนื่องนานกว่า

*สถาบันทั่วไป เรียนวันละ 3 ชม. 4 วันต่อสัปดาห์ คอร์สเดือนต่อเดือน (ไม่สามารถขอวีซ่านักเรียนได้)
เหมาะกับคนที่มีเวลาจำกัดว่างไม่ตรงกับช่วงที่มหาลัยเปิด-ปิดเทอมและอยากเรียนภาษาเกาหลีแค่พอสื่อสารเข้าใจ อยากดูละครเกาหลีรู้เรื่อง ติ่งพอได้ อยากแบ่งจ่ายทีละเดือนไม่สะดวกจ่ายเงินก้อน

ค่าใช้จ่ายโดยรวมประมาณ 50,000 บาท/1 เดือน (ค่าเรียน+ค่าที่พัก+ค่าตั๋วเครื่องบิน+ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน)

*มหาลัย เรียนวันละ 4 ชม. 5 วันต่อสัปดาห์ คอร์สละ 3 เดือน (สามารถขอวีซ่า D-4 ได้เมื่อสมัครมากกว่า 2 คอร์สขึ้นไป) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเรียนภาษาเกาหลีเพื่อใช้เรียนต่อในเกาหลีหรือทำงาน ต้องการใช้ภาษาได้เป็นอย่างดี และมีงบสูง สะดวกจ่ายเงินก้อน

ค่าใช้จ่ายโดยรวมประมาณ 150,000 บาท/เทอม (3 เดือน) (ค่าเรียน+ค่าที่พัก+ค่าตั๋วเครื่องบิน+ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน)

  1. สถาบันที่ไหนดีกว่ากัน?

ตอบ สถาบันที่ Easy2studykorea คัดเลือกมาให้นั้น เป็นสถาบันที่ได้มาตรฐานตั้งอยู่ใจกลางโซลเหมือนกันหมดเลยค่ะ
แตกต่างกันแค่สิ่งอำนวยความสะดวก, หนังสือเรียน, สไตล์การสอน และที่ทำเลที่ตั้งเท่านั้นเอง แนะนำว่าให้เลือกตามย่านที่อยากอยู่อาศัยเพราะเราจะพักใกล้ที่เรียนค่ะ

  1. มหาลัยที่ต้องใช้สปอนเซอร์คนเกาหลีคืออะไร ถ้าไม่มีสมัครได้ไหม หรือทางเราช่วยหาให้หน่อยไหม?

ตอบ สปอนเซอร์ ก็คือคนค้ำประกันค่ะ หลายมหาลัยจะบังคับต้องมีคนเกาหลีที่อาศัยและทำงานอยู่ในเกาหลีเซ็นต์เอกสารค้ำประกันให้ผู้สมัครเรียน พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน หลักฐานการทำงาน และสำเนาบัญชีเงินฝากของคนเกาหลีไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากคงไม่มีใครอยากค้ำประกันให้คนที่ไม่รู้จักกัน ดังนั้นทางเราจึงไม่สามารถหาสปอนเซอร์ให้ได้ค่ะ

หากไม่มีสปอนเซอร์ ทางมหาลัยจะไม่ให้ผ่านการสมัคร และไม่สามารถขอยกเว้นได้ค่ะ แนะนำให้ดูมหาลัยที่ไม่ต้องใช้สปอนเซอร์แทน เช่น Sogang, Yonsei, Ewha, Seoul National University ฯลฯ ก็ไม่บังคับว่าต้องมีสปอนเซอร์คนเกาหลีค่ะ

  1. เคยไปเกาหลีแล้วติด ต.ม., เคยโดนส่งกลับ, เคยติด Blacklist จะสามารถไปเรียนได้ไหม?

ตอบ ทางเราขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผู้สมัครที่เคยมีประวัติดังกล่าวนะคะ หากต้องการไปเรียน แนะนำให้สอบถามกับสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทยจะดีที่สุดค่ะ https://overseas.mofa.go.kr/th-th/index.do

  1. ไปเรียนที่เกาหลี 1 – 3 เดือนต้องขอวีซ่าไหม?

ตอบ คนไทยได้รับ “ฟรีวีซ่า” สามารถอยู่ในเกาหลีได้ต่อเนื่องไม่เกิน 3 เดือน ใน 3 เดือนนี้เราจะไปเที่ยวหรือไปเรียน ก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่เจ้าหน้าที่ ต.ม.อาจซักถามได้ในกรณีที่เค้าสงสัยว่าทำไมมาเที่ยวนานเป็นเดือน? สามารถโชว์หลักฐานการชำระค่าเรียนได้

กรณีเรียนมากกว่า 3 เดือนต้องขอวีซ่าเรียนก่อนเดินทางไปเกาหลี (ต้องสมัครเรียนล่วงหน้า 2 เดือนก่อนเปิดเรียนและขอวีซ่าล่วงหน้า 1 เดือนก่อนเดินทาง)

  1. ไปเรียนภาษาแล้วสามารถทำงานพิเศษไปด้วยได้ไหม?

ตอบ บางคนอาจจะคิดว่าสมัครเรียนแค่ ส-อา แล้ววันปกติไปทำงานพิเศษ หรือเรียนแค่ภาคค่ำแล้วกลางวันไปทำงานได้มั้ย ก็คือเป็นไปไม่ได้ค่ะ❌ ถ้าสถานะวีซ่าคุณเป็นนักศึกษาต้องเรียน 80% ทำงาน 20% ของการใช้ชีวิตในเกาหลีค่ะ ถ้าต้องการทำงานจริงจังแนะนำให้สมัคร EPS จะดีกว่าค่ะ

นักเรียนต่างชาติที่ไปเรียนภาษาเกาหลีที่ประเทศเกาหลีจะสามารถทำงานพิเศษได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อเมื่อ

  • สมัครเรียนในศูนย์ภาษาของมหาลัยโปรแกรม 200 ชม.ขึ้นไปเท่านั้น (คอร์สระยะสั้น,ภาคค่ำ ไม่ได้)
  • สมัครเรียนมากกว่า 6 เดือนต่อเนื่องขึ้นไป มีวีซ่า D-4
  • เรียนอยู่ที่เกาหลีมาแล้วต่อเนื่อง 6 เดือน เดือนที่ 7 เป็นต้นไปถึงสามารถขออนุญาตทำงานพิเศษได้ (ต้องไปทำเรื่องขอใบอนุญาตที่ Immigration)
  • มีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี (ถ้าเรียนไม่ดีแล้วยังขอไปทำงานอีกเค้าก็ไม่ให้นะคะถือว่าผิดจุดประสงค์วีซ่าที่ถืออยู่เพื่อมาเรียน)
  • ต้องมีบัตร Alien Registration Card (บัตรประจำตัวคนต่างด้าว)
  • อนุญาตให้ทำงานได้สัปดาห์ละไม่เกิน 20 ชั่วโมง
  • หากทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตที่จริงถือว่าผิดกฎหมายค่ะ

14. มีทุนเรียนภาษาไหม?

ตอบ หลักสูตร Korean Language Program ไม่มีทุนค่าเล่าเรียน 100% ให้เหมือนการเรียนระดับปริญญาค่ะ มีแต่ทุนเรียนดี คือ หากเทอมแรกที่เรียนมีผลการเรียนดีและเข้าเรียนโดยไม่ลาขาดเลย จะมีส่วนลดค่าเล่าเรียนให้ 10~30% ในเทอมถัดไป (แต่เทอมแรกต้องออกค่าใช้จ่ายเอง 100%) หรือ บางม.จะให้นักเรียนร่วมทำกิจกรรมช่วยเหลือมหาลัย เช่น ถ่ายทำคลิปโปรโมตมหาลัยเพื่อแลกกับส่วนลดค่าเล่าเรียนก็มีค่ะ

บางมหาลัยจะมีโปรโมชั่นลดค่าเล่าเรียน 10~50% เป็นบางช่วง ไม่ได้มีลดตลอดปี หากทางเราทราบข่าวโปรฯ จะแชร์ไว้ในเพจนะคะ

ขุมทรัพย์ติวสอบ TOPIK ออนไลน์ด้วยตัวเอง ฟรี!

สวัสดีค่ะ แอดมินค้นพบเว็บนี้มาสักพักแล้วแต่คิดว่าอาจจะยังมีหลายคนไม่รู้จัก และเนื้อหาดีมากๆ บวกกับช่วงโควิดเรามาใช้ช่วงเวลานี้ซุ่มเรียนภาษาเกาหลีแล้วไปสอบวัดระดับเพื่อเอาคะแนน TOPIK เก็บไว้ปูทางการไปเรียนที่เกาหลีได้โดยไม่เสียเวลาเปล่า โควิดจะไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการเรียนเกาหลีอีกต่อไป!! 🏃🏻‍♀️

ก่อนอื่นการสอบ TOPIK คืออะไร? สอบแล้วได้อะไร เอาไปทำอะไร
อ่านคำตอบได้ที่นี่ 👉🏻 About TOPIK
กำหนดการสอบประจำปี, สมัครสอบ ดูได้ที่ https://topik.thaijobjob.com/

และเว็บติวสอบ TOPIK ที่แอดมินจะมาแนะนำวันนี้ คือ www.studytopik.go.kr
เป็นเว็บไซต์ขององค์กร TOPIK ที่เกาหลีเองเลย (ดังนั้นหน้าเว็บเลยมีแต่ภาษาเกาหลี 😅) แอดมินจะมาแนะนำเมนูหลักๆ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเตรียมสอบ เป็น 3 หัวข้อหลักๆ ดังนี้นะคะ




1) 문제풀어보기 ลองทำข้อสอบ

จะเป็นข้อสอบของปีก่อนๆ เรียงรายตามปีแบบนี้ มีทั้ง TOPIK Ⅰ และ Ⅱ
เราสามารถทดลองทำข้อสอบแล้วเว็บจะวัดผลคะแนนให้ทันทีเลย มีตั้งแต่ปี 2019 – 2014

ช้าก่อน!!

มีหลายคนเข้าใจผิดว่า TOPIK Ⅰ คือภาษาเกาหลีระดับ 1 และ Ⅱ คือระดับ 2
ไม่ใช่น้า 😭
ก่อนสอบต้องรู้ก่อนว่า TOPIK แบ่งการสอบออกเป็น 2 ระดับคือ
TOPIK Ⅰ = ภาษาเกาหลีระดับต้น ได้แก่ ระดับ 1 – 2
TOPIK Ⅱ = ภาษาเกาหลีระดับกลาง ระดับ 3-4
และ ระดับสูง ระดับ 5-6
ซึ่งถ้าใครเคยเรียนภาษาเกาหลีระดับต้นมาพอสมควรแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าเราควรสอบระดับต้นหรือกลางดี? กลางจะยากไปมั้ย? ระดับกลางมันประมาณไหน? ก็สามารถมาลองดูแนวข้อสอบจากเว็บนี้ได้เช่นกัน

ข้อสอบจะมีแค่ 2 พาร์ท คือ 듣기 การฟัง, 읽기 การอ่าน
การอ่านจะมีเวลาทำข้อสอบ 60 นาที
การฟัง มีเวลา 40 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาจริงๆ เท่ากับเวลาในห้องสอบจริงเลย

แอดมินลองทำพาร์ทฟัง หลังกดดูผลคะแนนแล้วเราสามารถย้อนดูได้ว่าข้อไหนผิดบ้าง แล้วข้อที่ถูกคืออะไร (정답 = ถูก)

😆 เย้~ แอดมินได้ 80/100 คะแนน🎉

2) 강의보기 ดูบทเรียน

ส่วนนี้ภูมิใจนำเสนอมาก เพราะว่ามีคลิปสอนออนไลน์เป็นภาษาต่างๆ ทั้งเวียดนาม, อาหรับ, รัสเซีย และภาษาไทย สอนโดยคุณครูคนไทยด้วย เลิศมาก!!

คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 30 นาที มีตั้งแต่บทที่ 1-28 โดยเป็นการสอนแนวทางการทำข้อสอบ TOPIK Ⅰ แนะนำให้ดูตั้งแต่บทแรกจนจบเพราะแต่ละบทเนื้อหาจะต่อเนื่องกัน ถ้าดูจบทั้งหมดเท่ากับเราเรียนคอร์สเตรียมสอบ TOPIK Ⅰ ไปคอร์สนึงฟรีๆ เลยน้า 😍

3) 자료실 คลังข้อสอบเก่า

มีข้อสอบเก่าตั้งแต่ปี 2005 – 2019 รวบรวมเอาไว้ให้สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี (รวมถึงไฟล์เสียงพาร์ทการฟังและเฉลยคำตอบ) เหมาะสำหรับคนที่ถนัดปริ้นท์ออกมาซ้อมทำข้อสอบในกระดาษ ได้จดโน๊ต ขีดเส้นใต้ จดศัพท์ที่ไม่รู้แล้วเอากลับมาดูซ้ำๆ ได้ และฝึกทำหลายๆ ปีเพื่อจะได้เก็งแนวข้อสอบไปด้วย
หมายเหตุ – ทางเว็บได้เลิกอัพโหลดข้อสอบตั้งแต่ข้อสอบของปี 2020 เป็นต้นไป

หวังว่าเว็บนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนภาษาเกาหลีทุกคนนะคะ
한국어 화이팅!! ✊🏻

รายละเอียดห้องเช่าแบบ Oneroom, Officetel, Apartment ในเกาหลี

Oneroom

✅ ปกติการปล่อยห้องเช่า 90% ผู้ให้เช่ามักฝาก 부동산 = นายหน้าหรือเอเจนซี่ให้ช่วยประกาศหาผู้เช่า โดยนายหน้าจะได้คอมมิชชั่น ดังนั้นประกาศห้องเช่าส่วนใหญ่ที่เห็นตามเว็บคือนายหน้าเป็นคนลง ไม่ใช่เจ้าของห้องมาลงเอง เราต้องติดต่อผ่านนายหน้าและเสียค่านายหน้า มีตั้งแต่ 1~300,000 won หรือแล้วแต่ตกลง
✅ การเช่าวันรูมแบบปกติเงินที่ต้องจ่ายให้เจ้าของตึกคือ 보증금 Deposit + 월세 ค่าเช่ารายเดือน
 ค่า 보증금 Deposit คืออะไร?
เป็นธรรมเนียมการเช่าห้องของเกาหลีคือผู้เช่าต้องนำเงินก้อนไปฝากกับเจ้าของตึก และเจ้าของตึกจะนำเงินนั้นไปฝากธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ย ทำให้มีรายได้สองทางคือได้ดอกเบี้ยจากธนาคารและค่าเช่ารายเดือนจากผู้เช่าค่ะ
 จำนวนเงิน deposit มีตั้งแต่ 1 ล้านวอนไปจนถึง 10~20 ล้านวอนแล้วแต่ขนาดของห้อง หรือแล้วแต่ผู้ให้เช่ากับผู้เช่าตกลงกัน เช่น ยิ่งฝาก deposit เยอะเจ้าของตึกจะลดค่าเช่ารายเดือนให้ถูกลง เพราะได้ดอกเบี้ยเยอะแทน

 ค่า deposit นี้จะได้คืนเต็มจำนวนเมื่อหมดสัญญาเช่าและย้ายออก (อาจจะหักค่าทำความสะอาดห้อง หรือค่าความเสียหายนิดหน่อยแล้วแต่กรณี) ดังนั้นถ้ายังไม่หมดสัญญาแล้วย้ายออกกระทันหัน เงินนี้จะไม่ได้คืนนะคะ บางคนก็แก้ปัญหาด้วยการให้คนอื่นมาเช่าต่อจนกว่าจะหมดสัญญาโดยไม่ให้เจ้าของตึกรู้

월세 ค่าเช่ารายเดือน มีตั้งแต่ 300,000~600,000 วอน แล้วแต่ขนาดห้องและเงิน deposit ตามที่อธิบายไปข้างบน รวมถึงทำเลที่ตั้งก็มีส่วนทำให้แพงด้วยค่ะ เช่น ย่านใจกลางเมือง, ใกล้รถไฟฟ้าจะแพง หรือห้องกว้างแต่ถูกผิดปกติแปลว่าตึกอาจจะอยู่เนินเขาหรือเป็นห้องชั้นใต้ดิน ฯลฯ

⚠️ วันรูมมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยรายเดือนที่ต้องจ่ายแยก ได้แก่
관리비 ค่าส่วนกลาง (บางที่ก็รวมค่าน้ำไฟเน็ตในค่าส่วนกลางให้แล้ว ต้องอ่านรายละเอียดดีๆ)
공과금 ค่าสาธารณูปโภค (수도료 ค่าน้ำ, 전기료 ค่าไฟ, 인터넷 요금 ค่าอินเตอร์เนต, 가스비 ค่าแก๊ส)

⚠️ การเช่าแบบนี้ส่วนใหญ่ต้องทำสัญญาเช่าขั้นต่ำ 6 เดือนหรือ 1 ปีขึ้นไปแล้วแต่บางที่
(6 เดือนพบได้ตามแถวมหาลัย แต่ถ้าย่านที่อยู่อาศัยทั่วไปส่วนใหญ่เลยคือต้อง 1 ปีขึ้นไปเท่านั้นถึงจะเช่าวันรูมได้)
⭕️ ข้อดีของวันรูมคือราคาไม่แพงมาก ส่วนใหญ่มีเฟอร์นิเจอร์ให้พร้อมอยู่
 ข้อเสีย ตึกจะไม่ค่อยมีลิฟท์ ไม่มีที่จอดรถ

ตัวอย่างห้องวันรูมย่าน 신촌 (sinchon)

🟡 กรณีเช่าไม่ถึงปี : Deposit 1 ล้านวอน / รายเดือน 750,000 won
🔵 กรณีเช่า 1 ปี : Deposit 5-10 ล้านวอน / รายเดือน 550,000 won
– ราคานี้จะได้ห้องกว้างก็จริงแต่ออปชั่นมักไม่ครบ เช่น ไม่มีทีวี, เครื่องซักผ้า, ตู้เสื้อผ้า หรือเฟอร์ฯ ค่อนข้างเก่า, ดีไซน์ไม่ทันสมัย ฯลฯ
– มีห้องน้ำในตัว แอร์ส่วนตัว หน้าต่างกว้าง

06
08

🟡 กรณีเช่าไม่ถึงปี : Deposit 5 ล้านวอน / รายเดือน 750,000 won
🔵 กรณีเช่า 1 ปี : Deposit 5-10 ล้านวอน / รายเดือน 650,000 won
– เพิ่มค่า deposit ขึ้นมาอีกนิด ออปชั่นในห้องจะครบ ห้องใหม่ตกแต่งสะอาดตา แต่ขนาดห้องค่อนข้างเล็ก
– มีห้องน้ำในตัว แอร์ส่วนตัว หน้าต่างกว้าง

02
03

🟡 กรณีเช่าไม่ถึงปี : Deposit 5 ล้านวอน / รายเดือน 900,000 won
🔵 กรณีเช่า 1 ปี : Deposit 5-10 ล้านวอน / รายเดือน 700,000 won
– ดังนั้นถ้าอยากได้ห้องที่ทั้งกว้างและใหม่ ฟูลออปชั่น ต้องดูห้องที่ค่าเช่า 700,000 won++ขึ้นไป จะได้ห้องประมาณนี้ค่ะ

09
10

Officetel, Apartment

เป็นห้องอีกประเภทที่ใหญ่กว่าวันรูมขึ้นมาอีก คือมีแยกห้องครัว ห้องนอนเป็นสัดส่วน ในขณะที่วันรูมห้องจะออกแนวสตูดิโอคือทุกอย่างอยู่รวมกันในห้องสี่เหลี่ยม

✅ การเช่า officetel, apartment แบบปกติเงินที่ต้องจ่ายให้เจ้าของตึกคือ 보증금 Deposit + 월세 ค่าเช่ารายเดือนเหมือนกันแค่เรทจะสูงกว่า
✅ deposit ประมาณ 10~20 ล้านวอน, รายเดือน 800,000~ล้านวอน+
และมีค่ายิบย่อยเหมือนวันรูมทุกประการ แค่ห้องใหญ่กว่าทุกอย่างก็แพงขึ้นตามตัวค่ะ
 ต้องติดต่อผ่าน 부동산 นายหน้าเหมือนวันรูม เสียค่านายหน้าเหมือนกัน

⚠️ ระยะเวลาทำสัญญาเช่าขั้นต่ำ 6 เดือนหรือ 1 ปีขึ้นไปแล้วแต่ที่เหมือนกัน
⭕️ ข้อดีกว่าคือมีลิฟท์ มีที่จอดรถ มียาม เหมือนคอนโด
 ข้อเสียคือมักจะมีแต่ห้องเปล่า ไม่มีเฟอร์นิเจอร์

ตัวอย่างห้องย่าน 신촌 (sinchon)
🟡 กรณีเช่าไม่ถึงปี : Deposit 5 ล้านวอน / รายเดือน 1,200,000 won
🔵 กรณีเช่า 1 ปี : Deposit 10 ล้านวอน / รายเดือน 900,000 won
* เตียงอยู่ชั้นลอย

🔵 รับเฉพาะเช่าขั้นต่ำ 1 ปีเท่านั้น : Deposit 10 ล้านวอน / รายเดือน 1,200,000 won
* ห้องเปล่า

🔵 รับเฉพาะเช่าขั้นต่ำ 1 ปีเท่านั้น Deposit 20 ล้านวอน / รายเดือน 1,000,000 won
* เตียงอยู่ชั้นลอย


❓ถ้าจะไปเรียนแค่ 3~6 เดือนจะไม่สามารถเช่าห้องใหญ่ ๆ ได้เลย?

✅ ตอบ – ได้ค่ะ ทั้ง Oneroom, Officetel, Apartment เดี๋ยวนี้มีบริการยกเว้น deposit สำหรับต่างชาติที่ไม่สะดวกจ่าย deposit เยอะๆ และอยู่ระยะสั้น แต่ค่าเช่ารายเดือนจะสูงเพราะมักจะรวมค่าสาธารณูปโภค ค่าส่วนกลางให้หมดเลย ไม่ต้องมานั่งจ่ายยิบย่อย เฉลี่ยต้องจ่ายเดือนละประมาณ 800,000~1 ล้านวอน+

ℹ️ เว็บหา Oneroom, Officetel, Apartment ในเกาหลีที่นิยม
สามารถกำหนด filter การค้นหาได้ เช่น ต้องการห้องที่ deposit,ค่าเช่า ไม่เกินเดือนละเท่าไหร่
https://www.dabangapp.com/ (ไม่มีภาษาอังกฤษ, ต้องเสียค่านายหน้า)
https://www.zigbang.com/ (ไม่มีภาษาอังกฤษ, ต้องเสียค่านายหน้า)
https://stayes.com (มีภาษาอังกฤษ, ต้องเสียค่านายหน้า)
https://ziptoss.com (มีภาษาอังกฤษ, ไม่มีค่านายหน้า)

*Tip! การค้นหาห้องระยะสั้นให้ดูคีย์เวิร์ด 단기임대 가능 = เช่าระยะสั้นได้

💁‍♀️ ทาง Easy2studyKorea มีบริการหาห้องพักรายเดือนในเกาหลี ติดต่อสอบถามได้ที่ facebook.com/easy2studykorea

[Review] Young Jae Livingtel (หอราคาถูกแถว Ewha)

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิว+แนะนำหอพักแถวอีวาที่ค่าเช่าเดือนละไม่ถึงหมื่นบาทนั้นมีอยู่จริง!!

ทำความเข้าใจกันก่อนว่าประเทศเกาหลีค่าครองชีพสูงกว่าไทย 3 เท่า แล้วย่าน 3 มหาลัย (Ewha, Yonsei, Sogang) เรียกว่าย่าน ‘ชินชน’ (Sinchon 신촌) **มีหลายคนเรียกผิดว่า “ชินชอน” ซึ่งคือ 신천 แล้วอยู่กันคนละที่กับชินชนเลยนะคะ ไปบอกแท็กซี่พูดผิดนี่พาไปคนละที่ได้เลยเพราะงั้นต้องจำชื่อให้ดี ซึ่งย่านนี้อยู่ใจกลางเมืองทำเลที่มีทั้งสถานศึกษาดีๆ +โรงพยาบาลขนาดใหญ่ (Yonsei Severance Hospital) ที่ดินจะแพงมากกกก ดังนั้นการจะมีที่อยู่อาศัยในย่านนี้ค่าห้องจึงแพงมากเมื่อเทียบกับทำเลอื่นในโซลที่ไม่ใช่ทำเลทอง

แต่ในย่านทำเลทองหน้าอีวานี้ก็มีหอที่แอดมินอาศัยอยู่เองเลยอยากมารีวิวให้ สำหรับคนที่สนใจอยากอยู่หอแบบประหยัดงบ แต่ก็ต้องเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายนิดนึงถึงจะอยู่ได้เพราะว่าห้องค่อนข้างเล็ก แต่ก็จัดว่าเป็นขนาดปกติของโกซีวอนในย่านนี้อยู่แล้วค่ะ ค่าเช่าเดือนละ 300,000 KRW หรือประมาน 8 พันกว่าบาท (ถ้าอยู่มากกว่า 3 เดือนลดได้นิดหน่อยค่ะ)

ชื่อหอว่า Young Jae Livingtel (영재리빙텔)
– เดินไปถึงตึกศูนย์ภาษา ELC ใช้เวลาเพียงแค่ 5-7 นาที ใกล้มากๆ
– เป็นหอหญิงล้วนมีชั้น 4-5 ข้อดีคือมีลิฟท์!!! มีดาดฟ้าตากผ้าได้
– ทุกห้องหน้าต่างอยู่ด้านนอกหมด แอร์เป็นแบบท่อรวมหน้าร้อนจะเปิดๆปิดๆ หน้าหนาวจะเปิดระบบพื้นอุ่นทั้งชั้น แต่อุ่นแค่ไหนยังไม่เคยลองค่ะ ไว้ถึงหน้าหนาวแล้วจะบอกอีกทีว่าอุ่นมั้ยแต่ป้าเจ้าของบอกว่าถ้าหนาวจะให้ยืมเสื่อไฟฟ้า เอาไว้ปูเตียงนอนจะอุ่นๆ
– ทุกห้องไม่มีห้องน้ำส่วนตัว ใช้ห้องน้ำรวมค่ะ (ทุกชั้นจะมีห้องอาบน้ำ 1 ห้องกับห้องชักโครกอีก 2 ห้อง)
– มีครัวทั้งชั้น 4 และ 5 ไม่ต้องแย่งกัน
– เป้าจ้าของหอดูแลทำความสะอาดเองทุกวัน ใจดีค่ะ
– มีหมอนกับผ้าห่มให้ยืม
– ของกินพื้นฐานที่มีให้คือข้าวสุกกับกิมจิและเครื่องเคียงนิดหน่อย ป้าชอบทำกับข้าวให้กินด้วยค่ะ แต่ไม่ทุกวันประมานสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งหรือช่วงไหนป้าเค้าว่างก็จะทำบ่อยหน่อย แล้วก็ชอบมีของกินมาให้อย่างไข่ไก่ มาม่าเกาหลี สาหร่าย เครื่องเคียงอื่นๆ
– ข้อเสียคือสถานที่ค่อนข้างเก่าก็เลยดูไม่สวยงาม ดูรกบ้างผุพังบ้างไรบ้างแต่ไม่ได้สกปรก แค่ไม่สวยแค่นั้นเอง ^^;
– หน้าประตูใหญ่ของแต่ละชั้นคนจะชอบถอดรองเท้าวางกันเกะกะดูรกหน่อย แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากค่ะ

แอดมินลิสต์ข้อดีข้อเสียให้เท่าที่นึกออกแล้ว คราวนี้มาดูรูปกันค่ะ

อันนี้ห้องส่วนตัว เนื่องจากตัดห้องน้ำออกไปเลยพอมีพื้นที่เก็บของเยอะกว่านิดนึง แต่ข้อเสียคือไม่มีตู้ใส่ของกับตู้เสื้อผ้าเล็กนิดเดียวไม่พอเท่าไหร่

ห้องน้ำส่วนกลาง (กดที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่)

ห้องครัว และกับข้าวของกินต่างๆ เท่าที่แอดมินเคยกินมา ป้าจะห่วงเรื่องการกินมากเจอหน้าทีไรก็เรียกกินข้าววววทุกที แต่ก็จะมีบางวันที่ป้าทำอะไรที่เราไม่ชอบกินก็อาจจะหลบหน้าบ้าง บอกไปตามตรงว่าไม่ชอบบ้าง 555 ที่ชอบอีกอย่างคือเตาที่นี่เป็นเตาแก๊สไม่ใช่เตาไฟฟ้า มันจะสามารถทอดไข่เจียวแบบฟูๆ ได้ ไฟแรงสะใจมาก

IMG_6101

ตรงส่วนกลางมีคอมฯ พร้อมเครื่องปริ้นท์ให้ใช้ฟรีด้วยค่ะ จะปริ้นท์รายงานไรงี้คือใช้ได้เลยไม่คิดเงินแต่ก็ไม่ถึงกับปริ้นท์เยอะเป็นร้อยๆ แผ่นไรงี้นะคะ ^^; เกรงใจ

IMG_6100

สุดท้ายที่สะดวกสบายอีกอย่างคือชั้นล่างของหอเป็นร้านสะดวกซื้อเลย แอดชอบลงไปซื้อไอติมมากินแต่พวกขนมของกินจะไปซื้อที่มินิมาร์ท หรือมาร์ทขนาดใหญ่จะถูกกว่าค่ะ แล้วก็ตึกหออยู่ตึกติดกับสถานีตำรวจเลย อุ่นใจมากแต่ด้วยความที่อยู่ใกล้ทั้งสถานีตำรวจและโรงพยาบาลเลยจะได้ยินเสียงหวอบ่อยมาก แต่ไม่ถึงกับรบกวน อยู่ไปจะชินเองค่ะ ช่วงแรกจะสงสัยหน่อยว่าเค้ามีเรื่องอะไรกัน 555

IMG_6109

ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ ถ้าใครสนใจห้องพักที่นี่สามารถติดต่อผ่าน Easy2sudyKorea ได้นะคะ ^^

[รีวิว] 도시락 🍱 ข้าวกล่องราคานักศึกษา

💫 สวัสดีค่า ห่างหายจากการลงคอนเท้นส์ไปนานเลย ^^; ทุกครั้งที่อัพเดตแอดมินจะบอกเสมอว่า เราทำเพจนี้เป็นงานอดิเรก ทุกคนมีงานประจำ มีหน้าที่หลักต้องทำเลยอาจจะไม่ค่อยว่างอัพเดตและตอบคำถามได้รวดเร็วทันที เผื่อคนที่เพิ่งเข้ามารุ้จักใหม่ๆ แล้วไม่รู้นะคะ

👩‍🍳 วันนี้เอาร้านข้าวกล่องเกาหลีมาแนะนำกัน เนื่องจากประสบการณ์ตอนแอดมินไปเรียนก็ไปแบบประหยัด มีเงินแต่ก็ไม่เยอะมาก+ขอผู้ปกครองมาด้วยส่วนนึง เพราะงั้นเราต้องประหยัดให้ได้มากที่สุด!! ซึ่งร้านข้าวกล่องแบบนี้ส่วนใหญ่จะมีอยู่ในละแวกมหาลัย, โรงเรียน เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก แล้วแอดมินว่าอาหารเกาหลีตามร้านทั่วไปคือปริมาณเยอะมากกกก คนเกาหลีเค้ากินเยอะกว่าเราแค่ซองมาม่าก็ขนาดแตกต่างกันแล้ว แต่ถ้าเรากินข้าวกล่องราคาย่อมเยาว์ของบ้านเค้า มันอิ่มพอดีเลย (คนเกาหลีอาจจะรู้สึกว่ามันน้อยไปนิดนึง) แล้วก็ราคาถูกด้วย ถ้าใครเดินผ่านร้านเหล่านี้แต่ไม่เคยลองเข้าไปดู ไม่รู้มันคืออะไร บอกเลยว่าถ้ามีร้านเหล่านี้อยู่ในละแวกที่เรียนหรือที่พักนี้ รอดตาย!!

🍱한솥도시락 (Hansot Dosirak)
ร้านนี้จัดว่าเป็นอันดับ 1 ของร้านข้าวกล่อง มีสาขาเยอะในทุกจังหวัด หาไม่ยากแล้วก็อร่อยด้วย จริงๆ แล้วที่ร้านเค้าไม่ได้ทำอาหารสดๆ ข้าวกล่องรสชาติจะเหมือนกันหมดเพราะบริษัททำสำเร็จรูปไว้แล้ว ส่งไปตามสาขาต่างๆ เวลาขายก็แค่เอามาอุ่นใส่กล่องให้ สะดวกรวดเร็ว ลองหาสาขาได้ในเว็บ https://www.hsd.co.kr

ราคาข้าวกล่อง
– ไลน์พรีเมียม 7,000~10,000 won (พวกเมนูเนื้อวัว, กุ้ง, ปลา, สเต็ก ฯลฯ หลายอย่างในกล่องเดียว)
– ไลน์รวมมิตร 3,500~6,000 won (เมนูรวมหลายอย่างในกล่องเดียว เช่น บุลโกกิ, ไก่ทอด, หมูทอด, ผัดหมูเจยุก ฯลฯ)
– ไลน์จานเดี่ยว 2,700~3,800 won (เมนูราดข้าวอย่างเดียว เช่น แกงกระหรี่, ทงคัตสึ, ไก่มายองเนส ฯลฯ)
– ไลน์แกง 3,000~3,500 won (เช่น แกงกิมจิ ฯลฯ)

ที่มา – https://blog.naver.com/tndud6869/220977649263
https://www.instagram.com/hansot_official/
https://www.hsd.co.kr

🍱오봉도시락 (Obong Dosirak)
ร้านนี้มีสาขาเยอะพอสมควร ส่วนใหญ่อยู่ในมหาลัยอย่างใน Yonsei ก็มีค่ะ ราคาน่ารักย่อมเยาว์เหมือนกัน ส่วนใหญ่แอดมินชอบกินแบบรวมมิตรที่ได้กินหลายๆ อย่างในเซ็ตเดียวราคา 3-4,000 วอน/มื้อก็จัดว่าประหยัดกว่ากินร้านทั่วไปที่จานละ 5-6,000 won

ราคาข้าวกล่อง
– ไลน์พรีเมียม 8,000~15,000 won (พวกเมนูเนื้อวัว, กุ้ง, ปลา, สเต็ก ฯลฯ หลายอย่างในกล่องเดียว)
– ไลน์รวมมิตร 5,300~8,000 won (เมนูรวมหลายอย่างในกล่องเดียว เช่น บุลโกกิ, ไก่ทอด, หมูทอด, ผัดหมูเจยุก ฯลฯ)
– ไลน์จานเดี่ยว 2,700~5,000 won (เมนูราดข้าวอย่างเดียว เช่น แกงกระหรี่, ทงคัตสึ, ไก่มายองเนส ฯลฯ)
– ไลน์ข้าวยำบิบิมบับ 3,800~4,500 won

ที่มา – https://blog.naver.com/doansky/221010329187
https://store.naver.com/restaurants/detail?id=20361988

🍱토마토도시락 (Tomato Dosirak)
ร้านนี้สาขาไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่เมนูมีให้เลือกเยอะมาก อิ่มกำลังดี ลองหาสาขาใกล้บ้านได้ที่ http://www.tomatodosirak.co.kr/

ราคาข้าวกล่อง
– ไลน์พรีเมียม 12,000~18,000 won (พวกเมนูเนื้อวัว, กุ้ง, ปลา, สเต็ก ฯลฯ หลายอย่างในกล่องเดียว)
– ไลน์รวมมิตร 5,700~6,900 won (เมนูรวมหลายอย่างในกล่องเดียว เช่น บุลโกกิ, ไก่ทอด, หมูทอด, ผัดหมูเจยุก ฯลฯ)
– ไลน์จานเดี่ยว 3,200~4,500 won (เมนูราดข้าวอย่างเดียว เช่น แกงกระหรี่, ทงคัตสึ, ไก่มายองเนส ฯลฯ)
– ไลน์ข้าวยำบิบิมบับ 3,800~4,200 won
– ไลน์มินิแกง,ซุป 800~1,500 won (แกงกิมจิ, ซุปเต้าหู้ ฯลฯ)

ที่มา – https://blog.naver.com/wowjy1225/221245101254
https://blog.naver.com/skysmile111/221302054788
https://blog.naver.com/fkstnwjd/220639867294

 

[TIPS] ❄️ไอเท็มหน้าหนาวววในเกาหลี❄️

หน้าหนาวหลายคนคงนึกถึงเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ แต่หนาวเกาหลีนั้นไม่ธรรมดา อุปกรณ์แค่นี้คงเอาไม่อยู่แน่นอน วันนี้แอดมินเลยจะมาแนะนำไอเท็มหน้าหนาวที่ช่วยชีวิตเราไว้ได้เยอะเลย

ขอท้าวความถึงบ้านเกาหลีก่อนว่าแน่นอนเมืองหนาวบ้านต้องมี “ฮีตเตอร์” ซึ่งฮีตเตอร์ส่วนใหญ่ตามบ้านรวมถึงหอพักประเภท “โกซีวอน” ที่นักเรียนภาษานิยมอยู่กันนั้น เค้าไม่ได้ใช้ไฟฟ้าทำความอุ่นแต่มาจากระบบทำความอุ่นที่เรียกว่า Ondol (온돌) คือการใช้แก๊สต้มน้ำร้อนแล้วปล่อยน้ำไปตามใต้พื้นบ้านจนเกิดเป็นความอุ่นทั่วถึงทั้งบ้าน วิธีนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วใช้สุมไฟหลังบ้านเอา แต่บ้านสมัยใหม่ก็สะดวกสบายเพราะเค้าวางระบบไว้หมดแล้วตั้งแต่เริ่มสร้างบ้านหรือคอนโด แค่เปิดสวิทช์ระบบก็ทำงาน

21suc51382

แต่ในความเป็นจริงแล้วคนเกาหลีส่วนใหญ่จะประหยัดพลังงานกันแทบทุกฤดู T_T จะไม่ค่อยมีใครประโคมเปิดเต็มที่แบบอุ่นทั้งบ้าน อาจจะไปจิมจิลบัง (ซาวน่าเกาหลี) บ่อยๆ หรือใช้ฮีตเตอร์เคลื่อนที่แทน จะอยู่ตรงไหนก็ไปวางใกล้ๆตัวตรงนั้นเอาตามร้านอาหารก็ชอบใช้แบบนี้กัน

untitled-8

แต่สิ่งที่แอดมินจะแนะนำในวันนี้คือ…!!
ฟูกไฟฟ้า หรือ เสื่อไฟฟ้า (전기 담요, 전기 장판)

022474503f0149672_52c796a943025

ระบบคล้ายๆกับอนดลเลยแต่ย่อเอามาไว้ในผ้าปูที่นอนผืนเดียว
ข้างในเป็นคดลวดไฟฟ้าตัวทำความอุ่น มีหลายขนาดตั้งแต่เท่าหมอนรองนั่งไปจนถึงปูเตียงนอนได้ 2 คนเลยทีเดียว แค่เสียบปลั๊กเปิดสวิทช์ ปรับความร้อนได้หลายระดับ จะนั่งจะนอนตรงไหนก็ขอให้อุ่นแค่ตัวเราไว้ก่อน ที่เกาหลีจะนิยมใช้แบบนี้ตามบ้านมากค่ะ ถ้าอยู่หอแล้วห้องไม่ค่อยอุ่นเลย หนาวทรมาน ลองเข้าเว็บขายของออนไลน์อย่าง Gmarket แล้วสั่งซื้อออนไลน์ได้ราคาพอซื้อไหว แอดมินเคยใช้แค่อันเท่าหมอนรองนั่งแต่ใส่ใต้ผ้าห่มเอาไว้ปลายเท้าแล้วนอน ความอุ่นมันจะแผ่ในใต้ผ้าห่มขึ้นมาเอง นอนสบายมากๆ อันเล็กน่าจะไม่แพงมากเนอะ ไม่แน่ใจราคาเหมือนกันเพราะยืมเค้ามาอีกทีค่ะ 555

01444

แต่ก็มีข้อควรระวังในการเลือกซื้อและการใช้มากเหมือนกันเพราะอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ แล้วยิ่งเป็นสิ่งที่อยู่แนบไปกับตัวเรา มีข่าวคนโดนไฟลวกเพราะอันนี้เป็นระยะๆ พยายามเลือกยี่ห้อดีๆ ถ้ามีโอกาสเลือกซื้อเองที่ร้านลองมองหาสัญลักษณ์นี้เพื่อความปลอดภัย

03

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อและการใช้งาน
1.เวลาใช้งานให้วางสวิชควบคุมห่างจากฟูกเกิน 30 ซม.
2.ก่อนนอนควรเลือกอุณหภูมิอุ่นกำลังดี อย่าร้อนมากเกินไปเพราะเวลาหลับหากเกิดอะไรขึ้นจะไม่รู้ตัวและแก้ไขได้ไม่ทันท่วงที
3.หลังตื่นนอนหรือก่อนออกจากบ้าน ห้ามลืมปิดสวิทช์เด็ดขาด!
4.ไม่ควรนั่งหรือนอนลงไปบนฟูกโดยตรง ควรเอาผ้าห่มปูทับก่อนชั้นนึงแล้วนอนจะปลอดภัย เพราะอาจร้อนจนลวกผิวได้
5. ก่อนซื้อมองหาสัญลักษณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานดังนี้

logo

(รีวิว) หอน่าพักแถว Kyunghee ‘Skyroom’

สวัสดีค่ะ หลังจากไม่ได้ลงรีวิวนานคราวนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศมาแถวมหาวิทยาลัย Kyunghee อยู่สถานี 회기역 (Hoegi Station) สาย 1 สีน้ำเงินทางออก 1 ซึ่งตัวมหาลัยกับสถานีรถไฟค่อนข้างไกลพอสมควร เดินได้แต่เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันค่ะ ดังนั้นนักศึกษาแถวนี้จะนิยมนั่งรถเมล์ต่อไปยังประตูใหญ่ของมหาลัยอีกที แต่หอพักที่เราจะมาแนะนำวันนี้อยู่ใกล้สถานีเดินแค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง สะดวกเวลาไปที่อื่น แต่ถ้าจะเข้ามหาลัยอาจจะต้องนั่งรถเมล์เอาประมาณ 2-3 ป้ายค่ะ

หอพักนี้ชื่อว่า 하늘정원 (Skyroom) จัดอยู่ในประเภทโกซีวอน/วันรูมเทล

ข้อดี ของที่นี่คือมีแอร์ส่วนตัวทุกห้องและห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง ขนาดห้องไม่แคบมาก ทางเดินกว้างโปร่งอากาถ่ายเท สะอาดทั้งภายในห้องและทางเดิน ราคาไม่แพง เดินทางสะดวกอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ Daiso และร้านสะดวกซื้อ ไม่เปลี่ยว

ข้อเสีย คืออยู่ชั้น 4 ของตึกและไม่มีลิฟท์ค่ะ T_T และไม่แยกโซนห้องชาย-หญิงเพราะมีอยู่ชั้นเดียว ทางขึ้นจะไม่ค่อยสะอาดเพราะชั้น 1-3 เป็นร้านดูหนัง, ร้านโยนโบลิ่ง, ร้านเกม เป็นบันไดทางขึ้นส่วนรวมของตึกเลยรักษาความสะอาดลำบาก แต่ดูไม่น่ากลัวนะคะ แค่ไม่ได้สะอาดเนี๊ยบ
มาดูบรรยากาศกันเลยดีกว่าค่ะ เริ่มจากปากซอยของหอที่ติดถนนใหญ่ ปากซอยมี GS25 กับร้านขายเสื้อผ้าเป็นจุดสังเกต

201511201010

ด้านหน้าตึกทางเข้า

IMG_0448IMG_0104

บันไดวน 4 ชั้น ขึ้นวนไปค่ะ

IMG_0103

เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 4 ไม่ต้องตกใจกับขยะนะคะ 555 หอเกาหลีจะมีการแยกขยะไว้หน้าประตูค่ะ อาจจะดูรกไปหน่อย แต่ทุกคนต้องจัดการขยะในห้องตัวเองแล้วเอามาทิ้งแยกตามประเภทข้างหน้าแล้วคนดูแลหอจะมาเก็บไปอีกที กลางวันเค้าจะเปิดประตูใหญ่ทิ้งไว้ ส่วนกลางคืนหลัง 5 ทุ่มเป็นต้นไปจะล็อคต้องใส่รหัสผ่านเท่านั้นจ้า

IMG_0449IMG_0242

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องมีครบ แต่สไตล์ห้องจะไม่เหมือนโกซีวอนส่วนใหญ่ คือเตียงจะยกสูงขึ้นแล้วเอาตู้เสื้อผ้ากับตู้เย็นไปไว้ข้างล่าง เป็นการประหยัดพื้นที่ สามารถเอากระเป๋าเดินทางหรือของไปเก็บไว้ใต้เตียงได้ ดูไม่รกไม่อึดอัดอีกด้วย แต่เวลานอนต้องปีนบันไดขึ้นไปนะ 555
(เลื่อนดูรูปแบบสไลด์โชว์นะคะ)

This slideshow requires JavaScript.

อีกอย่างที่ดีคือในห้องมีผ้าปูเตียง+ผ้าห่ม (แต่ไม่มีหมอน) น้ำหอมปรับอากาศ พร้อมอุปกรณ์อาบน้ำสบู่ แชมพู ครีมนวด ไดร์เป่าผม ทิชชู่ ไม้แขวนเสื้อ รองเท้าใส่ในห้องน้ำ มีให้หมดเหมือนไปพักโฮสเทล เกสต์เฮ้าส์เลย ซึ่งปกติโกซีวอนไม่มีของแบบนี้ให้ต้องไปซื้อเองที่ไดโสะนะ

หันไปหันมาสำรวจห้องจนมาเจอไม้นี้แขวนไว้ให้ทำอะไรนะ… อ๋อ เอาไว้แขวนเสื้อข้างบนค่ะ 555 คิดว่าถ้าในตู้เสื้อผ้าแขวนไม่พออาจจะมาแขวนข้างนอกนี้หรือจะเอาไว้ตากผ้าก็ได้ แล้วใช้ไม้สอยแบบตามร้านขายเสื้อ ทุกพื้นที่มีค่าจริงๆ แต่ข้างนอกห้องมีราวตากผ้าให้ตรงทางเดินนะคะ ตากรวมกันได้ แต่เป็นราวพาดๆ เอาไม่มีราวแขวน

IMG_0095

ต่อไปสำรวจห้องครัว มีเครื่องซักผ้าอยู่ในห้องครัวพร้อมผงซักฟอก ซักได้เลยไม่ต้องหยอดเหรียญเหมือนไทย และพื้นฐานของโกซีวอนจะมีข้าวสุก กิมจิ ไข่ มาม่าหรือเครื่องเคียงให้กินฟรีค่ะ มีตู้กาแฟหยอดเหรียญด้วย มีเตาไฟฟ้าไมโครเวฟ พร้อมอุปกรณ์หม้อ กะทะ ช้อน ชาม ทำอาหารกินเองได้อิสระ แต่ใช้เสร็จแล้วต้องล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วยนะ

ห้องแบบที่แอดมินอยู่เป็นหน้าต่างในทางเดิน แต่เนื่องจากมีแอร์เลยไม่ซีเรียสเท่าไหร่และเป็นห้องขนาดเล็ก จะมีห้องใหญ่กว่านี้แต่ไม่ว่างค่ะ ค่าเช่ารายเดือนแค่ 400,000 วอนและมีบริการห้องพักรายวัน วันละ 15,000 วอน ถูกกว่าอยู่โฮสเทลอีก! ค่าเช่านี้รวมทุกอย่างหมดแล้ว ไม่มีบวกเพิ่มจ่ายเท่ากันทุกเดือนค่ะ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่จะเรียน Kyunghee หรือมองหาห้องพักรายวันราคาถูก

แล้วพบกันในรีวิวครั้งต่อไปนะคะ ^^

 

(รีวิว) 금메달마트 มาร์ทที่มีอุปกรณ์ยังชีพครบใน 2 ชั้น! by easy2studykorea

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับ easy2studykorea อีกครั้ง แน่นอนว่าต่อจากรีวิวที่แล้วเราจะยังไม่ไปไหนไกลจากแถวมหาลัย Kookmin หลังจากรีวิวตัวมหาลัย, หอพักและบรรยากาศโดยรอบแล้ว คราวนี้แอดมินเอามาร์ทที่อยู่ใกล้ๆมหาลัยและหอพักมาฝาก

ปกติเวลาเราไปอาศัยอยู่แถวไหนจะต้องมองหา Daiso เพื่อหาซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันใช่มั้ยคะ แต่ต่อให้ Daiso มีของครบครันแค่ไหนแต่ของบางอย่างก็หาซื้อใน Daiso ไม่ได้จริงๆ แต่ที่นี่มีครบจนน่าตกใจว่าแค่ตึก 2 ชั้นเล็กๆนี่ทำไมมีของครบขนาดนี้ 55

มาร์ทนี้ชื่อ 금메달마트 (กึมเมดัลมาร์ท) อยู่ในตลาด 정릉시장 ย่านนี้เป็นตลาดค่ะผักปลาที่ขายตามตลาดมีเยอะ แต่สำหรับคนต่างชาติอย่างเราถ้าไม่มั่นใจการซื้อของกับพ่อค้าแม่ค้าเกาหลีโดยตรง ก็มักจะเลือกเดินเข้ามาร์ทถึงราคาจะแพงกว่าหน่อยก็ตาม

ป.ล. มาร์ทนี้แอดมินเคยเห็นอีกสาขาที่ 안암오거리 (แถวมหาลัยโคเรีย) นอกนั้นหาข้อมูลในเน็ตแล้วไม่เจอเลยค่ะว่ามีที่ไหนอีก

20140823_145051

ชั้นล่าง เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ขายของกินเหมือนทั่วไปเลยค่ะ

20140823_145112

แต่ทีเด็ดคืออยู่ชั้น 2 เมื่อขึ้นไปแล้วจะเหมือนเป็นห้างย่อมๆ เล็กแต่ครบจริงๆ

20140823_145258

และสิ่งที่หาซื้อใน Daiso ไม่ได้ เครื่องนอนค่ะ! มีขายจริงจังทั้งที่นอน ผ้าห่ม ผ้านวม หมอน เพราะการไปอยู่หอที่เกาหลีไม่มีเครื่องนอนให้นะจ๊ะ มีให้แต่เตียงเปล่าๆอย่างเดียว

20140823_145253

เครื่องเขียน อุปกรณ์ช่าง ราวตากผ้า เครื่องครัว ตู้ปลา กระเป๋าเดินทาง ทุกอย่างนี้ฟังดูไม่น่าอยู่ในที่เดียวหมดได้แต่บนชั้น 2 นี้มีหมดจริงๆค่ะ สุดยอดมาก

20140823_145228 20140823_145925

และอีกสิ่งที่หาซื้อใน Daiso ไม่ได้ นั่นคือหัวแปลงปลั๊กไฟจากขาแบนเป็นขากลมแบบของเกาหลี เคยหาแล้วมีแต่แบบแปลงจากขากลมให้เป็นขาแบน =_= เอาไว้สำหรับคนเกาหลีที่จะเอาไปใช้ที่ต่างประเทศ ถ้าลืมเอามาจากไทยนี่หาซื้อใน Daiso ไม่มีแล้วก็ไม่รู้จะไปหาซื้อจากร้านช่างที่ไหนด้วย แต่ที่นี่มีค่ะ เยอะเลยหลายแบบด้วย เยี่ยมจริงๆ 20140823_145936

บรรยากาศรอบๆตลาด มีของขายเยอะมาก ร้านขายยา ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเครื่องสำอางค์ ฯลฯ

20140823_151758

วันอาทิตย์มีการแสดงแต่คนดูจะเป็นลุงๆป้าๆซะส่วนใหญ่ ^^; 20140823_145004

ส-อา มีตั้งซุ้มขายของตลอดทางด้วย

20140823_145022

ก็ยังคงคอนเซ็ปท์นอกเมืองเนาะ ^^ ถึงจะยังจัดว่าอยู่ในโซลแต่ก็ขอบนอกแล้ว เลยจะได้บรรยากาศชาวบ้านๆ สบายๆ จ่ายตลาดอะไรแบบนี้ ถ้าใครชอบแบบนี้ก็ลองดูนะคะ

http://www.facebook.com/easy2studykorea

แนะนำข้อมูลเรียนภาษาเกาหลีที่ประเทศเกาหลีและบริการดูแลความเป็นอยู่ที่เกาหลี สอบถามข้อมูลได้ที่เฟสบุคนะคะ